Skip to Content

Fiber optic Single Mode vs Multimode Fiber ต่างกันอย่างไร

เราได้ยินและคุ้นเคยกับชนิดของสายใยแก้วนำแสง Multimode และ Singlemode แต่บางครั้งเราจะได้ยินหรือได้อ่านผ่านตามาว่า มีชนิดของ Fiber แบบ OM1, OM2, OM3, OM4  หรือ OS1, OS2  มันคืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร

สายเคเบิลใยแก้วนำแสง ซึ่งเป็นสายเคเบิลเครือข่ายที่สร้างขึ้นโดยใช้เส้นใยแก้วหรือพลาสติกที่มีคุณสมบัติโปร่งแสงและยึดหยุ่น มีประโยชน์สำหรับการสื่อสารโทรคมนาคมและเครือข่ายข้อมูลประสิทธิภาพสูงในระยะทางไกล รัฐบาล ธุรกิจ และบุคคลทั่วโลกใช้ใยแก้วนำแสงสำหรับระบบโทรศัพท์ เคเบิลทีวี และแน่นอน อินเทอร์เน็ต โดยทั่วไปสายไฟเบอร์ออฟติกจะแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ ชนิด Single-Mode และ Multi-Mode

Fiber Optic Single-Mode คืออะไร

สายเคเบิลสื่อสารไฟเบอร์ออฟติกแบบ Single-Mode (ตัวย่อ SM) ถูกออกแบบมาเพื่อนำแสงเดินทางเป็นทางตรงในระยะทางที่ไกล ไม่ว่าจะมีการส่งสัญญาณแสงที่ความเร็ว 10Mbps, 100Mbps หรือ 1000Mbps(1Gbps) ระยะทางเดินสายที่เหมาะสมเริ่มที่ 5 กิโลเมตร ถึง 120 กิโลเมตร ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้สำหรับการส่งสัญญาณทางไกล โดยส่วนใหญ่ความแตกต่างระหว่างสายเคเบิลโหมดเดียวและหลายโหมดขึ้นอยู่กับเส้นผ่านศูนย์กลางแกนใยแก้วนำแสงระยะห่างของเส้นใยความยาวคลื่นแหล่งกำเนิดแสงและแบนด์วิดท์ ส่วนประเภทของสาย ชนิด Single-mode ได้แบ่งย่อยได้ 2 ประเภท คือ ชนิด OS1, OS2 โดยจะแตกต่างเรื่องการใช้งานทั้งย่านความยาวคลื่นแสง 1310nm และ 1550nm และ ค่าการลดทอนในการเลือกใช้งาน

Fiber Optic Multi-Mode คืออะไร

สายเคเบิลไฟเบอร์ออฟติกแบบ Multi-Mode (ตัวย่อMM) ใช้สำหรับการสื่อสารในระยะสั้น เช่น ภายในตึก ,อาคาร ในส่วนของความเร็วและระยะทางนั้นมีข้อจำกัด มากพอสมควร เช่น การส่งสัญญาณที่ 100Mbps สำหรับระยะทางสูงสุด 2 กิโลเมตร , 1Gbps สำหรับระยะทางสูงสุด 550 เมตร และ 10Gbps สำหรับระยะทางสูงสุด 550 เมตร 

เป็นที่ทราบกันดีว่าสายแพทช์ไฟเบอร์ออปติกใช้เพื่อขยายความยาวของสายเคเบิลในระหว่างการทำงาน ดังนั้นสายเคเบิลออปติคอลโหมดเดี่ยวจึงเหมาะสำหรับการใช้งานทางไกลและสายเคเบิลมัลติโหมดได้รับการออกแบบมาสำหรับการวิ่งระยะสั้น ระยะทางสายเคเบิลออปติคอลโหมดเดียวสามารถเคลื่อนที่ได้ที่อัตราข้อมูลตั้งแต่ 100M / s หรือ 1G / s และระยะทางมากกว่า 5 กม. ในขณะที่ไฟเบอร์มัลติโหมด OM1 / OM2 / OM3 / OM4 สามารถรองรับอัตราข้อมูลที่สูงขึ้น เนื่องจากใยแก้วนำแสงแบบหลายโหมดมีขนาดแกนกลางที่ใหญ่และรองรับโหมดแสงมากกว่าหนึ่งโหมดระยะห่างของเส้นใยจึงถูก จำกัด โดยการกระจายแบบจำลองซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทั่วไปในเส้นใยดัชนีหลายขั้นตอน ในขณะที่ไฟเบอร์โหมดเดียวไม่ได้

Core Diameter ของสายแต่ละประเภท

Single mode จะมีขนาด Core (แกนกลางที่ใช้ส่งสัญญาณแสง)คือ

  • 9/125 µm (OS1, OS2)

Multi mode จะมีขนาด Core ในปัจจุบันอยู่ 2 ขนาด และ 5 ประเภทคือ

  • 62.5/125 µm (OM1)
  • 50/125 µm (OM2)
  • 50/125 µm (OM3)
  • 50/125 µm (OM4)
  • 50/125 µm (OM5)

ข้อจำกัดระยะของสายในการเลือกใช้งาน ประเภท Multi-mode ในระบบ เครือข่าย Ethernet network

MMF Category

Fast Ethernet

1Gbe

10Gbe

40Gbe

100Gbe

OM1

2000M

275M

33M

        /

        /

OM2

2000M

550M

82M

        /

        /

OM3

2000M

         /

300M

100M

70M

OM4

2000M

         /

550M

150M

150M

OM5

/

         /

550M

150M

150M

ลักษณะความแตกต่าง ประเภทต่างๆของสาย Multi-mode

MMF Cable type

Diameter

Jacket color

Optical Source

Bandwidth

OM1

62.5/125um

Orange

LED

200MHz*km

OM2

50/125um

Orange

LED

500MHz*km

OM3

50/125um

Aqua

VSCEL

2000MHz*km

OM4

50/125um

Aqua

VSCEL

4700MHz*km

OM5

50/125um

Lime Green

VSCEL

28000MH*km

สีของเปลือกนอก (Jacket)

สายเคเบิลจะถูกใช้เพื่อแยกประเภทระหว่าง Multi-Mode และ Single-Mode ตามคำแนะนำของสมาคมอุตสาหกรรมโทรคมนาคม มาตรฐาน TIA-598C (เฉพาะสายภายในอาคาร Indoor cable)

Single-Mode จะใช้เปลือกนอก(Jacket) เป็นสีเหลือง

Multi-Mode จะใช้เปลือกนอก(Jacket) อยู่หลายสีตามแต่ละประเภท หรือชนิดดังนี้

- OM1 จะใช้สี ส้ม

- OM2 จะใช้สี ส้ม หรือ เทา

- OM3 จะใช้สี ฟ้า

- OM4 จะใช้สี ฟ้า หรือ ม่วงชมพู

- OM5 จะใช้สี เขียว

คุณสมบัติของสายในแต่ละประเภทนั้นมีข้อแตกต่างกันอย่างชัดเจน จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่จำเป็นจะต้องรู้หลักการต่างๆ ของสายแต่ละประเภท เพื่อที่จะได้ออกแบบ ให้มีประสิทธิภาพกับการใช้งานต่างให้เหมาะสมและถูกต้อง พร้อมทั้งสามารถ ประหยัดงบประมาณ ของโครงการหรืองานต่างๆ ได้มากเช่นกัน

แปลโดย : kirz.com 



Multifactor Authentication (MFA) คืออะไร